วันอังคารที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

เรื่องที่6 หน่วยประมวลผลกลาง



น่วยประมวลผลกลาง คือ
          ส่วนที่ทำหน้าที่ปฏิบัติตามคำสั่งที่รับมาจากหน่วยรับข้อมูล และควบคุมการปฏิบัติงานของเครื่องคอมพิวเตอร์
หน่วยประมวลผลกลางประกอบด้วยส่วนสำคัญ 2 ส่วน คือ
  • หน่วยควบคุม (Control Unit) ทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของอุปกรณ์ต่างๆ ในระบบทั้งหมด ให้ทำงานอย่างถูกต้อง
  • หน่วยคำนวณ (Arithmetic Logic Unit) ทำ หน้าที่ประมวลผลข้อมูลทางคณิตศาสตร์และทางตรรกะ เช่น
        -   การคำนวณทางคณิตศาสตร์  ได้แก่  การบวก ลบ คูณ หาร
        -   การกระทำทางตรรกะ (AND , OR) 
        - 
  การเปรียบเทียบ  เช่น การเปรียบเทียบค่าของข้อมูล 2 ตัวว่ามีค่าเท่ากัน  มากกว่า  หรือน้อยกว่า  ไม่ว่าข้อมูลจะเป็น ตัวเลข หรือตัวอักษรก้สามารถเปรียบเทียบได้
        - 
  การเลื่อนข้อมูล (Shift)
          -   การเพิ่มและการลด (Increment and Decrement)
          -   การตรวจสอบบิท (Test  Bit)

หน่วยความจำหลัก
  เป็นหน่วยความจำที่อยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์  แบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ
1. รอม (ROM : Read Only Memory)  เป็นหน่วยความจำหลักที่
-  ใช้บรรจุโปรแกรมสำคัญ ที่ใช้ในการสตาร์ทอัพเครื่อง
-  เก็บโปรแกรมคำสั่งไว้อย่างถาวร
-  ไม่ต้องใช้กระแสไฟฟ้าเลี้ยง ข้อมูลก็จะยังคงอยู่
-  เขียนหรือบันทึกข้อมูลคำสั่งได้เพียงครั้งเดียว ในขั้นตอนการผลิตเครื่องจากโรงงาน ไม่สามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงได้อีก
-  อ่านข้อมูลได้อย่างเดียว และการเข้าถึงข้อมูลเป็นแบบสุ่ม
2. แรม (RAM : Random Access Memory)
- ทำหน้าที่เก็บข้อมูลที่รับเข้ามาจากหน่วยรับข้อมูล เพื่อนำไปประมวลผล
- ทำหน้าที่เก็บผลลัพธ์ที่ได้ขณะทำการประมวลผลซึ่งยังไม่ใช่ผลลัพธ์สุดท้าย
- ทำหน้าที่เก็บผลลัพธ์ที่ได้จากการประมวลผลซึ่งเป็นผลลัพธ์สุดท้าย
- ทำหน้าที่เก็บชุดคำสั่งต่างๆ ขณะที่เรากำลังทำงานอยู่กับเครื่องเพื่อใช้ในการประมวลผล
- เป็นหน่วยความจำที่เก็บข้อมูลหรือโปรแกรมไว้ชั่วคราว สร้างขึ้นเพื่อผู้ใช้โดยตรง
- สามารถอ่านหรือเขียนทับข้อมูลลงไปได้ตามต้องการ ถ้าไฟดับข้อมูลจะสูญหาย
- การเข้าถึงข้อมูลเป็นแบบสุ่ม

เรื่องที่5 อุปกรณ์รับเข้าข้อมูล

เป็นอุปกรณ์รับเข้าทำหน้าที่รับโปรแกรมและข้อมูลเข้าสู่เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์รับเข้าที่ใช้กันเป็นส่วนใหญ่คือ แผงแป้นอักขระ (keyboard) และเมาส์ (mouse)
นอกจากนี้ เช่น VDO camera,Scanner,Microphone ,Trackball ,Joystickเป็นต้น

VDO camera
Scanner
Microphone
Trackball
Joystick
            อุปกรณ์รับเข้าในปัจจุบันมีหลายประเภท แต่ละประเภทมีวิธีการในการนำเข้าที่ต่างๆ กัน เราอาจแบ่ง
ประเภทของ อุปกรณ์รับเข้าได้ดังนี้
1. อุปกรณ์รับเข้าแบบกด
        แผงแป้นอักขระ
2. อุปกรณ์รับเขัาแบบชี้ตำแหน่ง
        เมาส
        อุปกรณ์ชี้ตำแหน่งสำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ก


แผ่นรองสัมผัส (Trackpad) จะเป็นแผ่นสี่เหลี่ยมที่วางอยู่หน้าแป้นพิมพ์ สามารถใช้นิ้ววาดเพื่อเลื่อนตำแหน่งของตัวชี้ตำแหน่งบนจอภาพ
เช่นเดียวกับเมาส์


        ก้านควบคุม
จอยสติก (Joystick) จะเป็นก้านสำหรับโยกขึ้นลง/ซ้ายขวา เพื่อย้ายตำแหน่งของตัวชี้ตำแหน่งบนจอภาพ มีหลักการทำงาน
เช่นเดียวกับเมาส์ แต่จะมีแป้นกดเพิ่มเติมมาจำนวนหนึ่งสำหรับ
ส่งงานพิเศษ นิยมใช้กับการเล่นเกมส์คอมพิวเตอร์หรือควบคุมหุ่นยนต์

        ลูกกลมควบคุม

ลูกกลมควบคุม (Trackball) จะเป็นลูกบอลเล็ก ๆ ซึ่งอาจจะวางอยู่ หน้าจอภาพในเนื้อที่ของแป้นพิมพ์ หรือเป็นอุปกรณ์ต่างหาก เช่นเดียวกับเมาส์ เมื่อผู้ใช้หมุนลูกบอลก็จะเป็นการเลื่อนตำแหน่ง ของตัวชี้ตำแหน่งบนจอภาพ มีหลักการทำงานเช่นเดียวกับเมาส์
        แท่งชี้ควบคุม

แท่งชี้ควบคุม (Trackpoint) จะเป็นพลาสติกเล็ก ๆ
อยู่ตรงกลางแป้นพิมพ์ บังคับโดยนิ้วหัวแม่มือเพื่อเลื่อน
ตำแหน่ง ของตัวชี้ตำแหน่งบนจอภาพเช่นเดียวกับเมาส์
 
3. อุปกรณ์รับเข้าแบบปากกา
        ปากกาแสง
           ปากกาแสง (Light pen) ใช้เซลล์แบบ photoelectric ซึ่งมีความไวต่อแสงเป็นตัวกำหนด ตำแห่นงบนจอภาพ รวมทั้งสามารถใช้วาดลักษณะหรือรูปแบบของข้อมูลให้ปรากฏบนจอภาพ การใช้งานทำได้โดยแตะปากกาแสงไปบนจอภาพตามตำแหน่งที่ต้องการ นิยมใช้กับงานคอมพิวเตอร์ ช่วยการออกแบบ (CAD หรือ Computer Aided Design) รวมทั้งนิยมใช้เป็นอุปกรณ์ป้อนข้อมูล โดยการเขียนด้วยมือในคอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก เช่น PDA เป็นต้น
        เครื่องอ่านพิกัด (digitizing tablet)
4. อุปกรณ์รับเข้าแบบจอสัมผัส
           จอภาพสัมผัส (Touch screen Monitor) เป็นอุปกรณ์หรือฮาร์ดแวร์ที่ทำหน้าที่ป้อนข้อมูลเข้าสู่
คอมพิวเตอร์ และแสดงผลหรือเอาต์พุตออกสู่ผู้ใช้ในตัวเอง ผู้ใช้สามารถใช้นิ้วแตะบนหน้าจอตามภาพ หรือเมนูที่จัดเตรียมไว้ในการสั่งให้คอมพิวเตอร์ประมวลผลและนำเอาต์พุตออกมาให้
5. อุปกรณ์รับเข้าแบบกราดตรวจ
        เครื่องอ่านรหัสแท่ง
        เครื่องกราดตรวจ
        กล้องถ่ายภาพดิจิทัล (digital camera)
6. อุปกรณ์รับเข้าแบบจำเสียง
            อุปกรณ์วิเคราะห์เสียงพูด (Speech Recognition Devices) เป็นอุปกรณ์ที่พัฒนาโดย นักคอมพิวเตอร์และนักภาษาศาสตร์ เพื่อใช้รับสัญญาณเสียงที่มนุษย์พูด และแปลงเป็นสัญญาณ ดิจิตอลเก็บเป็นข้อมูลไว้ในคอมพิวเตอร์ ปัญหาที่สำคัญของอุปกรณ์ชนิดนี้คือ ผู้พูดแต่ละคน จะมีน้ำเสียงและสำเนียงเฉพาะของแต่ละบุคคล จึงได้มีการแก้ปัญหาโดยให้คอมพิวเตอร์ได้ เรียนรู้เสียงของผู้ที่ต้องการใช้งานในระยะเวลาหนึ่งก่อน เพื่อเก็บรูปแบบของน้ำเสียงและสำเนียงไว้ ซึ่งจะช่วยลดความผิดพลาดได้มาก

เรื่องที่4 องค์ประกอบของระบบคอมพิวเตอร์


    อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ประกอบด้วยองค์ประกอบดังนี้
1.    ฮาร์ดแวร์
2.    ซอฟแวร์
3.    บุคลากรคอมพิวเตอร์
4.    ข้อมูล

ฮาร์ดแวร์


ฮาร์ดแวร์ หมาย ถึง อุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ประกอบขึ้นเป็นคอมพิวเตอร์มีลักษณะเป็นโครงร่างสามารถมองเห็นด้วยตาและ สัมผัสได้ เช่น จอภาพ คีย์บอร์ด เครื่องพิมพ์ เมาส์ เป็นต้น ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็นส่วนต่าง ๆ ตามลักษณะงาน คือ
            หน่วยรับข้อมูล (Input Unit)
            หน่วยความจำหลัก (Memory Unit)
            หน่วยประมลผลกลาง (Central Processing Unit : CPI)
            หน่วยแสดงผล (Output Unit)
    โดยอุปกรณ์แต่ละหน่วยมีหน้าที่การทำงานแตกต่างกัน  หน่วยรับข้อมูลเป็นส่วนที่ทำหน้าที่นำข้อมูลมาจากภายนอกเข้าสู่เครื่อง คอมพิวเตอร์ เป็นตัวกลางเชื่อมโยงจากมนุษย์สู่เครื่องคอมพิวเตอร์ เครื่องมือหรืออุปกรณ์ ในหน่วยรับข้อมูลนี้ มีหน้าที่แปลงข้อมูลที่ส่งเข้าไปให้อยู่ในรุปของสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์ที่ คอมพิวเตอร์เข้าใจ และนำเข้าสู่เครื่องคอมพิวเตอร์ เพื่อการประมวลผล  มีทั้งประเภทที่มนุษย์ต้องการทำการป้อนข้อมูลด้วยตนเอง ในลักษณะการพิมพ์การชี้ซึ่งอุปกรณ์ลักษณะนี้ที่รู้จักกันดี คือ แป้นพิมพ์ (Keyboard) และเม้าส์ (Mouse) นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์นำเข้าข้อมูลในลักษณะของการส่งข้อมูลเข้าสู่ระบบโดย ตรง (Source-data Automation)
            เพื่อให้การส่งข้อมูลเข้าระบบคอมพิวเตอร์ทำได้รวดเร็วยิ่งขึ้น โดยอุปกรณ์จะอ่านข้อมูลจากแหล่งกำเนิดและส่งเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์โดยตรง ผู้ใช้ไม่ต้องเคลื่อนย้ายหรือคัดลอกหรือพิมพ์สิ่งใดลงไปอีกทำให้เกิดความรวด เร็วและถูกต้องแม่นยำยิ่งขึ้น เครื่องป้อนข้อมูลประเภทนี้ คือ อุปกรณ์ OCR และสแกนเนอร์ (Scanner)

            หน่วยประมวลผลกลาง (Central Processing Unit : CPU)  หน่วยประมวลผลกลางเป็นศูนย์กลางการประมวลผลของทั้งระบบเปรียบเสมือนกอง บัญชาการ หรือ ส่วนของศีรษะของมนุษย์ที่มีผู้บัญชาการ หรือสมองอยู่ภายใน
            ภายในหน่วยประมวลผลกลาง จะเป็นการทำงานประสานกันระหว่าง 2  ส่วนหลัก คือ   
            1. ส่วนควบคุม (Control Unit)
            2. ส่วนคำนวณและเปรียบเทียบข้อมูล (Arithmetic and Logical Unit or ALU)
            ส่วนควบคุม (Control Unit)
            ส่วนควบคุมคือ ส่วนที่ทำหน้าที่สร้างและส่งสัญญาณไปควบคุมการทำงานของส่วนประกอบต่าง ๆ ในระบบคอมพิวเตอร์ คล้ายการส่งสัญญาณควบคุมจากสมองไปสู่ส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ส่วนควบคุมนี้ไม่ได้ทำหน้าที่ประมวลผลข้อมูล แต่มีหน้าที่ประสานงานให้ส่วนประกอบต่าง ๆ สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างเป็นระบบ สัญญาณควบคุมจำนวนมาก สามารถเดินทางไปยังส่วนประกอบต่าง ๆ ของระบบคอมพิวเตอร์ได้ด้วย ตัวส่งสัญญาณเรียกว่า บัส (Bus) ซึ่ประกอบด้วย Control Bus, Data Bus และ Address Bus ที่ทำหน้าที่ส่งสัญญาณควบคุม ส่งสัญญาณข้อมูล และส่งตำแหน่งที่อยู่ของข้อมูล ในส่วนความจำตามลำดับ ดังนั้นบัสจึงเปรียบเทียบเสมือนพาหนะที่ใช้ขนส่งข้อมูลไปสู่ส่วนประกอบต่าง ๆ ของระบบนั่นเอง
            ส่วนคำนวณและเปรียบเทียบข้อมูล (Artimetic and Logic Unit : ALU) ทำหน้าที่คำนวณและเปรียบเทียบข้อมูล โดยอาศัยหลักการทางคณิตศาสตร์และตรรกศาสตร์ ตามลำดับการประมวลผลด้วยหลักการทางคณิตศาสตร์คือการคำนวณที่ต้องกระทำกับ ข้อมูลประเภทตัวเลข เช่น การบวก ลบ คูณ หาร ฯลฯ ให้ผลลัพธ์ที่หลากหลาย แต่การประมวลผลด้วยหลักตรรกศาสตร์ คือ การเปรียบเทียบข้อมูลที่กระทำกับข้อมูลตัวอักษร สัญลักษณ์หรือตัวเลข ให้ผลลัพธ์เพียงสองสภาวะ เช่น 0-1, ถูก-ผิด หรือจริง-เท็จ เป็นต้น คอมพิวเตอร์แต่ละเครื่อง มักมีส่วนคำนวณและเปรียบเทียบ (ALU) มากกว่าหนึ่งชุด ซึ่งมักพบในเครื่องที่มีกาประมวลผลแบบ Multi-Processing (ประมวลผลงานเดียว โดยอาศัยตัวประมวลผลหลายตัว)
            หน่วยความจำหลัก (Main Memory หรือ Primary Storage) หน่วยความจำหลักเป็นส่วนความจำพื้นฐานในคอมพิวเตอร์ทุกเครื่อง เป็นหัวใจของการทำงานในรูปแบบอัตโนมัติ มีหน้าที่เก็บข้อมูลต่าง ๆ ที่ป้อนเข้ามาเพื่อให้ส่วนประมวลผลนำไปใช้ และเก็บข้อมูลที่เกี่ยวกับคุณสมบัติกและระบบการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์
            หน่วยความจำหลักประกอบด้วย
1.    หน่วยความจำแบบถาวร (Read Only Memory – ROM)
2.    หน่วยความจำชั่วคราว (Random Access Memory – RAM)

            หน่วยความจำแบบถาวร  คือ หน่วยความจำที่นำข้อมูลออกมาใช้งานเพียงอย่างเดียว โดยได้มีการบันทึกข้อมูลไว้ล่วงหน้าแล้ว สามารถเก็บรักษาข้อมูลไว้ได้โดยไม่ต้องอาศัยพลังงานไฟฟ้าในการรักษาข้อมูล แม้เราจะปิดเครื่องหรือไม่มีไฟฟ้าไปหล่อเลี้ยง ข้อมูลที่อยู่ในรอมก็จะยังคงอยู่ไม่สูญหายไปไหน ในปัจจุบัน หน่วยความจำถาวรนี้เปิดโอกาสให้สามารถลบหรือแก้ไขข้อมูลได้ เช่น การปรับปรุง/แก้ไข ข้อมูลเกี่ยวกับระบบคอมพิวเตอร์ (System Configuration)
          
            หน่วยความจำชั่วคราว  คือ หน่วยความจำที่สามารถบันทึกข้อมูล หรืออ่านข้อมูล ณ เวลาใด ๆ ได้ตามต้องการ การจดจำข้อมูลจึงไม่ถาวร ทั้งยังต้องอาศัยสัญญาณไฟฟ้าในการเก็บรักษาและอ่านข้อมูล ฉะนั้น ข้อมูลที่อยู่ในแรมจะสูญหายไปทันทีที่ปิดเครื่องหรือไฟฟ้าไม่ไปหล่อเลี้ยง แรมเป็นหน่วยความจำที่ใกล้ชิดและเกี่ยวข้องกับผู้ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์โดย ตรงเนื่องจากการับข้อมูล การประมวลผลและการแสดงผลข้อมูลต่างต้องอาศัยพื้นที่ในหน่วยความจำทั้งสิ้น แรมเป็นหน่วยความจำที่บ่งชี้ประสิทธิภาพของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่สำคัญขนาด ความจุของแรมเปรียบเสมือนขนาดของโต๊ะทำงาน หากแรมมีความจุมาก ก็เหมือนโต๊ะทำงานที่มีพื้นที่ในการทำงานได้มาก
          
            หน่วยเก็ข้อมูลสำรอง  แบ่งออกตามความเหมาะสมในการเข้าไปถึงข้อมูลได้ 2 ประเภท ดังนี้
1.    หน่วยเก็บข้อมูลสำรองที่เข้าถึงข้อมูลโดยลำดับเป็นหน่วยเก็บข้อมูลสำรองที่ ต้องมีการจัดเก็บและเรียกใช้ข้อมูลโดยการเรียงลำดับ การสืบค้นหรือเข้าถึงข้อมูลจึงล่าช้าเพราะต้องเป็นไปตามลำดับก่อนหลังของการ บันทึก ซึ่งหน่วยเก็บข้อมูลประเภทนี้ได้แก่ เทปแม่เหล็ก (magnetic taps)
2.    หน่วยเก็บข้อมูลสำรองที่เข้าถึงข้อมูลได้โดยตรง เป็นหน่วยเก็บข้อมูลที่สามารถจัดเก็บและเรียกใช้ข้อมูลที่ต้องการได้โดยตรง ไม่ต้องอ่านเรียงลำดับเหมาะกับงานที่ต้องอาศัยการประมวลผลแบบโต้ตอบ ที่ต้องการข้อมูลที่รวดเร็ว ซึ่งได้แก่ จานแม่เหล็ก ประเภทต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ฟลอปปี้ดิสก์ ฮาร์ดดิสก์ ซีดีรอม และ ดีวีดี นั่นเอง
            เนื่องจากส่วนความจำในเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้บันทึกข้อมูลในระบบประมวลผล ไม่สามารถรักษาข้อมูลไว้ได้หลังจากปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ ดังนั้น การบันทึกข้อมูลลงบนหน่วยเก็บข้อมูลสำรอง จึงมีความจำเป็นในอันที่จะรักษาข้อมูลไว้ใช้ในอนาคต และทำให้สามารถนำข้อมูลจากเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งเคลื่อนย้ายไปสู่ เครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องอื่น ๆ ในระบบเดียวกันได้อีกด้วย

            หน่วยแสดงแผล (Output Unit) หน่วยแสดงผลเป็น่วนที่แสดงข้อมูลสู่มนุษย์ เป็นตัวกลางการสื่อสารระหว่างคอมพิวเตอร์กับมนุษย์ เราเรียกเครื่องมือในส่วนนี้ว่า อุปกรณ์แสดงผล (Output Device)
            อุปกรณ์แสดงผลสามารถแบ่งออกได้ 2 ประเภท ตามลักษณะของข้อมูลที่แสดงออกมาสู่ผู้ใช้ ได้แก่
1.    อุปกรณ์แสดงผลที่มนุษย์จับต้องไม่ได้ (Softcopy Output Device) หมายถึงอุปกรณ์แสดงผลที่มนุษย์ไม่สามารถจับต้องข้อมูลที่แสดงนั้นได้ เช่น ข้อมูลตัวอักษรหรือภาพบนจอภาพ หรือ ข้อมูลเสียงจากลำโพง เราเรียกข้อมูลตัวอักษรหรือภาพบนจอภาพ หรือ ข้อมูลเสียงจากลำโพงเราเรียกข้อมูลประเภทนี้ว่า Softcopy
2.    อุปกรณ์แสดงผลที่มนุษย์จับต้องได้ (Hardcopy Output Device) หมายถึงอุปกรณ์แสดงข้อมูลที่มนุษย์สามารถจับต้องข้อมูลที่แสดงนั้นได้ เช่น ตัวอักษรหรือภาพบนจอภาพ เป็นต้น เราเรียกข้อมูลประเภทนี้ว่า Hardcopy

            ซอฟต์แวร์
            การแบ่งประเภทของซอฟท์แวร์


            ความหมายของซอฟต์แวร์ หมาย ถึง ส่วนที่มนุษย์สัมผัสไม่ได้โดยตรง (นามธรรม) เป็นโปรแกรมหรือชุดคำสั่งที่ถูกเขียนขึ้นเพื่อสั่งให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำ งานซอฟแวร์จึงเป็นเหมือนตัวเชื่อมระหว่างผู้ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ และเครื่องคอมพิวเตอร์ ถ้าไม่มีซอฟต์แวร์เราก็ไม่สามารถใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำอะไรได้เลย โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ใช้สั่งงานคอมพิวเตอร์จึงเป็นซอฟต์แวร์ เพราะเป็นลำดับขั้นตอนการทำงานของคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งทำงานแตกต่างกันได้มากมายด้วยซอฟต์แวร์ที่แตกต่าง กัน ซอฟต์แวร์จึงหมายถึงโปรแกรมคอมพิวเตอร์ทุกประเภทที่ทำให้คอมพิวเตอร์ทำงาน ได้
            ในบรรดาซอฟต์แวร์หรือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่มีผู้พัฒนาขึ้นเพื่อใช้งานกับ คอมพิวเตอร์มีมากมาย ซอฟาต์แวร์เหล่านี้อาจได้รับการพัฒนาโดยผู้ใช้งานเอง หรือผู้พัฒนาระบบ หรือผู้ผลิตจำหน่ายหากแบ่งแยกชนิดของซอฟต์แวร์ตามสภาพการทำงาน พอแบ่งแยกชอฟต์แวร์ได้เป็นสองประเภท คือ
1.    ซอฟต์แวร์สำหรับระบบ (System Software)
2.    ซอฟต์แวร์ประยุกต์ (Application Software)
          
            ซอฟต์แวร์ระบบ คือ ซอฟแวร์ที่บริษัทผู้ผลิตสร้างขึ้นมาเพื่อใช้จัดการกับระบบ หน้าที่การทำงานของซอฟต์แวร์ระบบคือดำเนินงานพื้นฐานต่าง ๆ ของระบบคอมพิวเตอร์ เช่น
1.    ใช้ในการจัดการหน่วยรับเข้าและหน่วยส่งออก เช่น รับการกดแป้นต่าง ๆ บนแผงแป้นอักขระ ส่งรหัสอักษรออกทางจอภาพ หรือเครื่องพิมพ์ ติดต่อกับอุปกรณ์รับเข้า และส่งออกอื่น ๆ เช่น เมาส์ อุปกรณ์สังเคราะห์เสียง
2.    ใช้ในการจัดการหน่วยความจำ เพื่อนำข้อมูลจากแผ่นบันทึกมาบรรจุยังหน่วยความจำหลัก หรือ ในทำนองกลับกัน คือ นำข้อมูลจากหน่วยความจำหลักมาเก็บไว้ในแผ่นบันทึก
3.    ใช้เป็นตัวเชื่อมต่อระหว่างผู้ใช้งานกับคอมพิวเตอร์ สามารถใช้งานได้ง่ายขึ้น เช่น การขอดูรายการบนในแผ่นบันทึก การทำสำเนาแฟ้นข้อมูล

ซอฟต์แวร์ระบบพื้นฐานที่เห็นกันทั่วไป แบ่งออกเป็น ระบบปฏิบัติการ และตัวแปลภาษา ซอฟต์แวร์ทั้งสองประเภทนี้ทำให้เกิดพัฒนาการประยุกต์ใช้งานได้ง่ายขึ้น

ระบบปฏิบัติการ หรือ ที่เรียกย่อว่า โอเอส (Operation System : OS) เป็นซอฟต์แวร์ใช้ในการดูแลระบบคอมพิวเตอร์ เครื่องคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องจะต้องมีซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการนี้ ระบบปฏิบัติการที่นิยมใช้กันมากและเป็นที่รู้จักกันดีเช่นดอส (Disk Operation System : DOS) วินโดวส์ (Windows) โอเอสทู (OS/2) ยูนิกซ์ (UNIX)
1)    ดอส เป็นซอฟต์แวร์จัดระบบงานที่พัฒนามานานแล้ว การใช้งานจึงใช้คำสั่งเป็นตัวอักษรดอสเป็นซอฟต์แวร์ที่รู้จักกันดีในหมู่ผู้ ใช้ไมโครคอมพิวเตอร์
2)    วินโดวส์ เป็นระบบปฏิบัติการที่พัฒนาต่อจากดอส เพื่อเน้นการใช้งานที่ง่ายขึ้นสามารถทำงานหลายงานพร้อมกันได้ โดยงานแต่ละงานจะอยู่ในกรอบช่องหน้าต่างที่แสดงผลบนจอภาพ การใช้งานเน้นรูปแบบกราฟิก ผู้ใช้งานสามารถใช้เมาส์ เลื่อนตัวชี้ตำแหน่งเพื่อเลือกตำแหน่งที่ปรากฎบนจอภาพ ทำให้ใช้งานคอมพิวเตอร์ได้ง่ายวินโดวส์จึงได้รับความนิยมในปัจจุบัน
3)    โอเอสทู เป็นระบบปฏิบัติการแบบเดียวกันกับวินโดว์ส แต่บริษัทผู้พัฒนาคือ บริษัทไอบีเอ็ม เป็นระบบปฏิบัติการที่ให้ผู้ใช้สามารถใช้ทำงานได้หลายงานพร้อมกันและการใช้ งานก็เป็นแบบกราฟิกเช่นเดียวกับวินโดว์ส
4)    ยูนิกส์ เป็น ระบบปฏิบัติการที่พัฒนามาตั้งแต่ใช้กับเครื่องมินิคอมพิวเตอร์ ระบบปฏิบัติการยูนิกซ์เป็นระบบปฏิบัติการที่สามารถใช้งานได้หลายงานพร้อมกัน และทำงานได้หลาย ๆ งานในเวลาเดียวกัน ยูนิกส์จึงใช้ได้กับเครื่องที่เชื่อมโยงและต่อกับเครื่องปลายทางได้หลาย เครื่องพร้อมกัน
      
ระบบปฏิบัติการยังมีอีกมาก โดยเฉพาะระบบปฏิบัติการที่ใช้ในเครือข่ายคอมพิวเตอร์ เพื่อให้คอมพิวเตอร์ทำงานร่วมกันเป็นระบบ เช่น ระบบปฏิบัติการเน็ตแวร์วินโดว์สเอ็นที

    ตัวแปลภาษา  ในการพัฒนาซอฟว์แวร์จำเป็นต้องมีซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการแปลภาษาระดับสูงเพื่อ แปลภาษาระดับสูงให้เป็นภาษาเครื่อง ภาษาระดับสูงมีหลายภาษา ภาษาระดับสูงเหล่านี้เหล่านี้สร้างขึ้นเพื่อให้ผู้เขียนโปรแกรมเขียนชุดคำ สั่งได้ง่าย เข้าใจได้ ตลอดจนถึงสามารถปรับปรุงแก้ไขซอฟต์แวร์ในภายหลังได้ ภาษาระดับสูงที่พัฒนาขึ้นมาทุกภาษาจะต้องมีตัวแปลสำหรับแปลภาษา ภาษาระดับสูงซึ่งเป็นที่รู้จักและนิยมกันมากในปัจจุบัน เช่น ภาษาปาสคาล ภาษาเบสิก ภาษาซี และภาษาโลโก้
1.    ภาษาปาสคาล เป็นภาษาสั่งงานคอมพิวเตอร์ที่มีรูปแบบเป็นโครงสร้างเขียนสั่งงาน คอมพิวเตอร์เป็นกระบวนความผู้เขียนสามารถแบ่งแยกงานออกเป็นชิ้นเล็ก ๆ แล้วมารวมกันเป็นโปรแกรมขนาดใหญ่ได้
2.    ภาษาเบสิก เป็นภาษาที่มีรูปแบบคำสั่งไม่ยุ่งยาก สามารถเรียนรู้และเข้าใจได้ง่าย มีรูปแบบคำสั่งพื้นฐานที่สามารถนำมาเขียนเรียงต่อกันเป็นโปรแกรม
3.    ภาษาซี เป็น ภาษที่เหมาะสมที่ใช้ในการพัฒนาซอฟต์แวร์อื่น ๆ ภาษาซีเป็นภาษาที่มีโครงสร้างคล่องตัวสำหรับการเขียนโปรแกรม หรือให้คอมพิวเตอรน์ติดต่อกับอุปกรณ์ต่าง ๆ
4.    ภาษาโลโก้ เป็นภาษาที่เหมาะสมการเรียนรู้และ เข้าใจหลักการโปรแกรมภาษาโลโก้ ได้รับการพัฒนาสำหรับเด็ก นอกจากภาษาที่กล่าวมาแล้ว ยังมีภาษาคอมพิวเตอร์ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันอีกมากกมายหลายภาษา เช่น ภาษาฟอร์แทรน ภาษาโคบอล ภาษาอาร์พีจี

ซอฟต์แวร์ประยุกต์ (Application Software)  คือ ซอฟต์แวร์หรือโปรแกรมที่ทำให้คอมพิวเตอร์ทำงานต่าง ๆ ตามที่ผู้ใช้ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นด้านเอกสาร บัญชี การจัดเก็บข้อมูล เป็นต้น ซอฟต์แวร์ประยุกต์ สามารถจำแนกได้เป็น 2 ประเภท คือ
-    ซอฟต์แวร์สำเร็จ
-    ซอฟต์แวร์ใช้งานเฉพาะ
ใน บรรดาซอฟต์แวร์ประยุกต์ที่มีใช้กันอยู่ทั่วไป ซอฟต์แวร์สำเร็จ (Package) เป็นซอฟต์แวร์ที่มีความนิยมใช้กันสูงมาก ซอฟต์แวร์สำเร็จเป็นซอฟต์แวร์ ที่บริษัทพัฒนาขึ้น แล้วนำออกมาจำหน่วย เพื่อใช้ผู้ใช้งานซื้อไปใช้ได้โดยตรง ไม่ต้องเสียเวลาในการพัฒนาซอฟร์แวร์อีก ซอฟต์แวร์สำเร็จที่มีจำหน่ายในท้องตลาดทั่วไป และเป็นที่นิยมของผู้ใช้มี 5 กลุ่มใหญ่ ได้แก่
-    ซอฟต์แวร์ประมวลคำ
-    ซอฟต์แวร์ตารางทำงาน
-    ซอฟต์แวร์จัดการฐานข้อมูล
-    ซอฟต์แวร์นำเสนอ
-    ซอฟต์แวร์สื่อสารข้อมูล

ซฮฟต์แวร์ประมวลคำ  เป็นซอฟต์แวร์ประยุกต์ใช้สำหรับการพิมพ์เอกสาร สามารถแก้ไข เพิ่ม แทรก ลบ และจัดรูปแบบเอกสารได้อย่างดี เอกสารที่พิมพ์ไว้จัดเป็นแฟ้มข้อมูล เรียกมาพิมพ์ก หรือแก้ไขใหม่ได้ การพิมพ์ออกทางเครื่องพิมพ์ก็มีรูปแบบตัวอักษร ให้เลือกหลายรูปแบบ เอกสารจึงดูเรียบร้อยสวยงาม ปัจจุบันมีการเพิ่มขีดความสามารถของซอฟต์แวร์ประมวลคำ อีกมากมาย ซอฟต์แวร์ประมวลคำที่นิยมอยู่ในปัจจุบัน เช่น ไมโครซอฟต์เวิร์ค

ซอฟต์แวร์ตารางทำงาน  เป็นซอฟต์แวร์ที่ช่วยในการคิดคำนวณ การทำงานของซอฟต์แวร์ตารางทำงาน ใช้หลักการเสมือนมีโต๊ะทำงาน ที่มีกระดาษขนาดใหญ่วางไว้มีเครื่องมือคล้ายปากกา ยางลบ และ เครื่องคำนวณเตรียมไว้ให้เสร็จ บนกระดาษมีช่องให้ใส่ตัวเลข ข้อความหรือสูตรสามารถสั่งให้คำนวณตามสูตรหรือเงื่อนไขที่กำหนด ผู้ใช้ซอฟต์แวร์ตารางทำงานสามารถประยุกต์ใช้งานประมวลผลตัวเลขอื่น ๆ ได้กว้างขวาง ซอฟต์แวร์ตารางทำงาน ที่นิยมใช้ เช่น ไมโครซอฟต์เอกเซล

ซอฟต์แวร์จัดการฐานข้อมูล  การใช้คอมพิวเตอร์อย่างหนึ่งคือการใช้เก็บข้อมูล และจัดการกับข้อมูลที่จัดเก็บในคอมพิวเตอร์ จึงจำเป็นต้องมีซอฟต์แวร์จัดการข้อมูล การรวบรวมข้อมูลหลาย ๆ เรื่องที่เกี่ยวข้องกันไว้ในคอมพิวเตอร์เราก็เรียกว่าฐานข้อมูล  ซอฟต์แวร์จัดการข้อมูลจึงหมายถึงซอฟต์แวร์ที่ช่วยในการเก็บการเรียกค้นมาใช้ งาน การทำรายงาน การสรุปผลจากข้อมูล ซอฟต์แวร์จัดการฐานข้อมูลที่นิยมใช้ เช่น ไมโครซอฟต์แอกเซส มายเอสคิวแอล ออราเคิล ฯลฯ

ซอฟต์แวร์นำเสนอ  เป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้สำหรับเสนอข้อมูล การแสดงผลต้องการสามารถดึงดูดความสนใจ ซอฟต์แวร์เหล่านี้จึงเป็นซอฟต์แวร์ ที่นอกจากสามารถแสดงข้อความในลักษณะที่จะสื่อความหมายได้ง่ายแล้ว จะต้องสร้างแผนภูมิ กราฟ และรูปภาพได้ ตัวอย่างมาของซอฟต์แวร์นำเสนอ เช่น ไมโครซอฟต์เพาเวอร์พอยต์ มายแมนเนเจอร์ มาร์โครมีเดียแฟรช

ซอฟต์แวร์สื่อสารข้อมูล  ซอฟต์แวร์สื่อสารข้อมูลนี้หมายถึงซอฟต์แวร์ที่จะช่วยให้ไมโครคอมพิวเตอร์ ติดต่อสื่อสารกับเครื่องพิวเตอร์อื่นในที่ห่างไกล โดยผ่านทางสายโทรศัพท์ซอฟท์แวร์สื่อสารให้เชื่อมโยงต่อเข้ากับระบบเครือข่าย คอมพิวเตอร์ เช่น อินเทอร์เน็ต ทำให้สามารถใช้บริการอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ สามารถใช้รับส่งไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ ใช้โอนย้ายแฟ้มข้อมูล ใช้แลกเปลี่ยนข้อมูล อ่านข่าวสาร นอกจากนี้ยังใช้ในการเชื่อมเข้าหามินิคอมพิวเตอร์หรือเมนเฟรม เพื่อเรียกใช้งานเครื่องเหล่านั้นได้ ซอฟต์แวร์สื่อสารที่นิยมมีมากกมายซอฟต์แวร์ เช่น โปรแกรมเพริช เอ็มเอสเอ็น แคมฟร็อก ฯลน

ซอฟต์แวร์ใช้งานเฉพาะ  ซอฟต์แวร์ใช้งานเฉพาะมักเป็นซอฟต์แวร์ที่ผู้พัฒนาต้องเข้าไปศึกษารูปแบบการ ทำงานหรือความต้องการของธุรกิจนั้น ๆ แล้วจัดทำขึ้น โดยทั่วไป จะเป็นซอฟแวร์ที่มีหลายส่วนรวมกันเพื่อร่วมกันทำงาน ซอฟต์แวร์ใช้งานเฉพาะที่ใช้กันในทางธุรกิจ เช่น ระบบงานทางด้านบัญชี ระบบงานจัดจำหน่าย ระบบงานในโรงงานอุตสาหกรรม บริหารการเงิน และการเช่าซื้อ ความต้องการของการใช้คอมพิวเตอร์ในงานทางธุรกิจยังมีอีกมาก ดังนั้นจึงต้องมีความต้องการผู้พัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อพัฒนาซอฟต์แวร์ใช้งาน เฉพาะต่าง ๆ อีกมากมาย

การประยุกต์ใช้งานด้วยซอฟต์แวร์สำเร็จมักจะ เน้นการใช้งานทั่วไป แต่อาจจะนำมาประยุกต์โดยตรงกับงานทางธุรกิจบางอย่างไม่ได้ เช่น ในกิจการธนาคารมีการฝากถอนเงิน งานทางด้านบัญชี หรือในห้างสรรพสินค้าก็มีงานขายสินค้า การออกใบเสร็จรับเงิน การควบคุมสินค้าคงคลัง ดังนั้นจึงจ้องมีการพัฒนาซอฟต์แวร์ใช้งานเฉพาะสำหรับงานแต่ละประเภทให้ตรง กับความต้องการของผู้ใช้แต่ละราย

บุคลากร  ได้แก่บุคคลที่มีความเกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์ประกอบด้วย
1.    นักวิเคราะห์และออกแบบระบบ
2.    นักเขียนโปรแกรมระบบ
3.    นักเขียนโปรแกรม
4.    ผู้จัดการฐานข้อมูล
5.    ผู้ปฏับัติการ
6.    ผู้ใช้

    นักวิเคราะห์และออกแบบระบบ (System Analyst)  เป็นผู้ที่มีหน้าที่วิเคราะห์และออกแบบระบบงานใหม่หรือปรับปรุงระบบงานเดิม ต้องเป็นผู้มีความรู้ทางคอมพิวเตอร์และมีประสบการณ์การทำงาน พอสมควร
    นักเขียนโปรแกรมระบบ (System Programmer)  มีหน้าที่ในการเขียนโปรแกรมระบบควบคุมเครื่องจะคอยตรวจสอบและแก้ไขเมื่อระบบ คอมพิวเตอร์มีปัญหาต้องเป็นผู้ที่มีความรู้เกี่ยวกับฮาร์ดแวร์เป็นอย่างดี
    นักเขียนโปรแกรม (Programmer)  เป็นผู้มีหน้าที่เขียนโปรแกรมตามรายละเอียดและข้อกำหนด ที่ System Analyst ได้ออกแบบให้เป็นผู้ที่มีความรู้ทางคอมพิวเตอร์เป็นอย่างดีแต่ไม่จำเป็นต้อง รู้รายละเอียดดเกี่ยวกับฮาร์ดแวรืควรมีตรรกในการเขียนและแก้ไขข้อผิดพลาดของ โปรแกรมที่อาจเกิดขึ้น
    ผู้จัดการฐานข้อมูล (Database Administrator or DBA)  เป็นผุ้ที่มีหน้าที่ในการบริหารและควบคุมฐานข้อมูลสามารถสร้างและแก้ไขโครงสร้างฐานข้อมูลได้
    ผู้ปฏิบัติการ (Operator)  เป็นเจ้าหน้าที่คอมพิวเตอร์ที่มีหน้าที่ควบคุมการปิดเปิดเครื่องเมื่อระบบมี ปัญหาจะแจ้งให้ผู้เขียนโปรแกรมระบบทราบนอกจากนี้ยังมีหน้าที่สำรองข้อมูลจาก คอมพิวเตอร์ขึ้นเก็บไว้ในสื่อบันทึกข้อมูล เช่น เทป เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับข้อมูลได้ ซึ่งผู้ปฏิบัติการนี้ไม่จำเป็นต้องมีความรู้สูงนักแต่ต้องกเป็นผู้ที่มีความ รับผิดชอบและใส่ในในการทำงาน
    ผู้ใช้ (User) เป็นผู้ที่ใช้งานระบบคอมพิวเตอร์ เป็นผู้ระบุความต้องการแก่นักวิเคราะห์ว่าต้องการใช้ระบบงานเป็นอย่างไร ให้คอมพิวเตอร์ช่วยทำอะไรได้บ้าง บรรดานักคอมพิวเตอร์ต้องสนองความต้องการแก่ผู้ใช้นี้

    ข้อมูล  
    องค์ประกอบทางด้านข้อมูล (Data)  เป็นข้อมูลที่จะต้องป้อนเข้าสู่คอมพิวเตอร์พร้อมกับโปรแกรมที่นัก คอมพิวเตอร์ได้เขียนขึ้น เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการออกมาข้อมูลต้องเป็นข้อมูลที่มีความถูกต้อง จึงจะได้ผลลัพธ์ที่ถูกต้องออกมา ข้อมูลเป็นองค์ประกอบที่สำคัญอย่างหนึ่งในระบบคอมพิวเตอร์เป็นสิ่งที่ต้อง ป้อนเข้าไปในคอมพิวเตอร์ พร้อมกับโปรแกรมที่นักคอมพิวเตอร์เขียนขึ้นเพื่อผลิตผลลัพธ์ที่ต้องการออกมา
    ข้อมูลที่สามารถนำมาใช้กับคอมพิวเตอร์ มี 5 ประเภทคือ
1.    ข้อมูลตัวเลข (Numeric Data)
2.    ข้อมูลตัวอักษร (Text Data)
3.    ข้อมูลเสียง (Audio Data)
4.    ข้อมูลภาพ (Images Data)
5.    ข้อมูลภาพเคลื่อนไหว (Video Data)

    ในการนำข้อมูลไปใช้นั้น เรามีระดับโครงสร้างของข้อมูลดังนี้
1.    บิต (Bit) ย่อ มาจาก Binary Digit เป็นข้อมูลที่มีขนาดเล็กสุดในระบบคอมพิวเตอร์ เป็นข้อมูลที่เครื่องคอมพิวเตอร์สามารถเข้าใจและนำไปใช้งานได้ ซึ่งได้แก่ เลข 0 หรือเลข 1 เท่านั้น มักใช้เป้นหน่วยวัดความสามารถของไมโครโพรเซสเซอร์ในการประมวลผลข้อมูล เช่น 16 บิต หรือ 32 บิต เป็นต้น  ซึ่ง 8 บิต เท่ากับ 1 ไบต์ 1 ไขต์จะใช้แทนตัวอักขระหรือตัวเลข ตัวอย่างเช่น ไบต์ 01000001 คือ อักขระ A เลข 0 หรือ 1 ในไบต์ก็คือ 1 บิต ซึ่งแสดงถึงสถานะ 1 ใน 2 สถานะคือ 0= ปิด และ 1=เปิด การรวมตัวเลข 0 และ 1 ในลักษณะต่าง ๆ ให้เป็นชุด 8 ตัว จะแทนข้อมูลทั้งหมดในคอมพิวเตอร์
2.    ไบต์ (Byte) หรือ อักขระ (Character) ได้แก่ตัวเลข หรือตัวอักษร หรือสัญลักษณ์พิเศษ 1 ตัว เช่น 0,1,…..9,A,B….Z และเครื่องหมายต่าง ๆ ซึ่ง 1 ไบต์จะเท่ากับ 8 บิต หรือตัวอักขระ 1 ตัวเป็นต้น
3.    ฟิลด์ (Field) ได้แก่ไบต์ หรือ อักขระตั้งแต่ 1 ตัวขึ้นไปรวมกันเป็นฟิลด์ เช่น เลขประจำตัวชื่อพนักงาน เป็นต้น
4.    เรคคอร์ด (Record) ได้แก่ฟิลด์ตั้งแต่ 1 ฟิลด์ขึ้นไป ที่มีความสัมพัน์เกี่ยวข้องรวมกันเป็นเรคคอร์ด เช่น ชื่อ นามสกุล เลขที่ประจำตัว ยอดขาย ข้อมูลพนักงาน 1 คน เป็น 1 เรคคอร์ด
5.    ไฟล์ (Files) หรือ แฟ้มข้อมูล ได้แก่ เรคคอร์ดหลาย ๆ เรคคอร์ดรวมกัน ซึ่งเป็นเรื่องเดียวกัน เช่น ข้อมูล ของประวัติพนักงาน แต่ละคนรวมกันทั้งหมด เป็นไฟล์หรือแฟ้มข้อมูลเกี่ยวกับประวัติพนังงานของบริษัท เป็นต้น
6.    ฐานข้อมูล (Database) คือการเก็บรวบรวมไฟล์ข้อมูลหลาย ๆ ไฟล์ที่เกี่ยวข้องกันมารวมเข้าด้วยกัน เช่นไฟล์ข้อมูลของแผนกต่าง ๆ มารวมกันเป็นฐานข้อมูลของบริษัทเป็นต้น

    การวัดขนาดข้อมูล
    ในการพิจารณาว่าข้อมูลใดมีขนาดมากน้อยเพียงไร เรามีหน่วยในการวัดขนาดข้อมูลดังต่อไปนี้


    สรุปองค์ประกอบด้านข้อมูล มี 5 ประเภทดังนี้
1.    ข้อมูลตัวเลข
2.    ข้อมูลตัวอักษร
3.    ข้อมูลเสียง
4.    ข้อมูลภาพ
5.    ข้อมูลภาพเคลื่อนไหว

    สรุปโครงสร้างด้านข้อมูลมี 6 ประเภท คือ
1.    บิต
2.    ไบต์
3.    ฟิลด์
4.    เรคคอร์ด
5.    ไฟล์
6.    ฐานข้อมูล

เรื่องที่3 การประยุคต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในชีวิตประจำวัน

การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีในชีวิตประจำวัน
          การประยุกต์ใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศในปัจจุบัน ได้มีการนำมาใช้ในหลายสาขาวิชาชีพ ทั้งในด้านการศึกษา ด้านธุรกิจอุตสาหกรรม ด้านการแพทย์ ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่ออำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ การทำงาน การศึกษาหาความรู้ ทำให้คุณภาพชีวิตของคนในสังคมปัจจุบันดีขึ้น นอกจากนี้หน่วยงานราชการต่างๆ ก็นำเทคโนโลยีสารสนเทศและ ระบบคอมพิวเตอร์ เข้ามาอำนวยความสะดวกให้กับประชาชน ในการติดต่อประสานงานกับทางราชการ และในธุรกิจเอกชนทางด้านการโรงแรม และการท่องเที่ยว ก็ให้บริการข้อมูลข่าวสาร และบริการลูกค้าผ่านทางระบบอินเทอร์เน็ต ทำได้อย่างสะดวกรวดเร็วทันเหตุการณ์ ประยุกต์ใช้ในงานด้านการศึกษา เทคโนโลยีสารสนเทศที่นำมาใช้สำหรับการเรียนการสอน เป็นการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่หลายอย่าง สอนด้วยสื่ออุปกรณ์ที่ทันสมัย ห้องเรียนสมัยใหม่ มีอุปกรณ์วิดีโอโปรเจคเตอร์ (Video Projector)มีเครื่องคอมพิวเตอร์ มีระบบการอ่านข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์แบบต่าง ๆ รูปแบบของสื่อที่นำมาใช้ในด้านการเรียนการสอน ก็มีหลากหลาย ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมในการนำมาใช้ เช่น คอมพิวเตอร์ช่วยสอน อิเล็กทรอนิกส์บุค วิดีโอเทเลคอนเฟอเรนซ์ ระบบวิดีโอออนดีมานด์ การสืบค้นข้อมูลในคอมพิวเตอร์ และระบบอินเทอร์เน็ต เป็นต้น
          ปัจจุบันได้มีการนำคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาใช้ในหน่วยงานต่าง ๆ เกือบทุกวงการ ทั้งภาครัฐและเอกชนไม่ว่าจะอยู่ในรูปของบุคคลหรือองค์กรใด ๆ ก็ตาม ฉะนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการศึกษาทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ในหน่วยงานด้านการศึกษาก็มีความตื่นตัวและเปิดทำการเรียนการสอนในหลักสูตร ดังกล่าว ทั้งในระดับ อาชีวศึกษา และอุดมศึกษา และเป็นสาขาวิชาที่มีนักศึกษา ให้ความสนใจ กันมากเนื่องจากยังมีตลาดแรงงานรองรับมากนั่นเอง

เรื่องที่2 ระบบสารสนเทศคอมพิวเตอร์

ความรักนักคอม

ระบบสารสนเทศคอมพิวเตอร์

ระบบสารสนเทศคอมพิวเตอร์ ประกอบด้วยส่วนประกอบหลัก 6 ส่วน คือ
                1. ฮาร์ดแวร์ (Hardware) หมายถึง เครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วง เช่น แป้นพิมพ์ เมาส์ หน่วยประมวลผลกลาง จอภาพ เครื่องพิมพ์และอุปกรณ์อื่น ๆ ฮาร์ดแวร์จะทำงานตามโปรแกรมหรือซอฟต์แวร์ที่เขียนขึ้น
              2. ซอฟต์แวร์ (Software) บางครั้งเรียก ว่า โปรแกรม (program) หรือชุดคำสั่ง วัตถุประสงค์หลักของซอฟต์แวร์ที่สังให้ฮาร์ดแวร์ทำงานคือ การประมวลผลข้อมูล (data) ให้เป็นสารสนเทศ (information)
              3. ข้อมูลหรือสารสนเทศ (data หรือ infomation) ในการประมวลผลข้อมูล คอมพิวเตอร์จะประมวลผลตามข้อมูลหรือข้อสนเทศที่ป้อนเข้า
สู่หน่วยรับข้อมูล ดังนั้น ข้อมูลจึงเป็นส่วนสำคัญอย่างหนึ่งในการประมวลผลเพื่อให้ได้สารสนเทศเพื่อการ ตัดสินใจ ถ้าข้อมูลที่ป้อนเข้าไปมีความ
ถูกต้อง ผลลัพธ์ที่ได้จะมีความถูกต้องเชื่อถือได้
 ข้อมูล (data) หมายถึง ข้อเท็จจริงที่ได้จากการรวบรวม ซึ่งอาจจะเป็นตัวเลข ข้อความ รูปภาพ หรือเสียง เพื่อให้ระบบ
คอมพิวเตอร์ทำการประมวลผลให้ได้สารสนเทศ

               สารสนเทศ (information) หมายถึง สิ่งที่ได้จากกาประมวลผลแล้ว ซึ่งในบางครั้ง สารสนเทศอาจจะเป็นข้อมูลเพื่อการประมวลผล
ให้ได้ข้อสนเทศอีกอย่างหนึ่งก็ได้ เช่น คะแนนสอบของนักเรียน เป็นข้อมูล เมื่อผ่านกระบวนการตัดเกรด จะได้เกรดเป็นสารสนเทศ และเมื่อนำ
เกรดของนักเรียนไปหาค่าเฉลี่ย เกรดของนักเรียนจะเป็นข้อมูล และสารสนเทศที่ได้คือเกรดเฉลี่ย (GPA)
                 4. ผู้ใช้ (User) การทำงานของคอมพิวเตอร์ จำเป็นต้องมีผู้ใช้สั่งงาน แต่ปัจจุบันมีคอมพิวเตอร์บางชนิด ที่สามารถทำงานได้อัตโนมัติ อย่างไรก็ตามการใช้งานคอมพิวเตอร์โดยส่วนใหญ่แล้วยังต้องการมนุษย์เป็นผู้ สั่งงานเสมอ
                       5. กระบวนการทำงาน (procedure) เป็นขั้นตอนการทำงานเพื่อ
ให้ได้ผลลัพธ์หรือข้อสนเทศจากคอมพิวเตอร์ ในการทำงานกับคอมพิวเตอร์
จำเป็นต้องที่ผู้ใช้จะต้องเข้าใจขั้นตอนการทำงานเพื่อให้ได้งานที่ถูกต้อง และมีประสิทธิภาพ ตัวอย่างขั้นตอนการทำงาน เช่น การถอนเงินด้วย
เครื่องฝาก – ถอนเงินอัตโนมัติ (ATM) จะต้องมีขั้นตอนหรือกระบวนการทำงานดังนี้ (วาสนา สุขกระสานติ, 2541)
          1. จอภาพแสดงความพร้อมเพื่อการทำงาน
          2. สอดบัตรและป้อนรหัสผู้ใช้
          3. เลือกรายการทำงาน
          4. ใส่จำนวนเงิน
          5. รับเงิน
           6. รับบัตรคืนและใบบันทึกรายการ
                ในการทำงานที่เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์ ปกติจะมีขั้นตอนที่สลับซับซ้อน ดังนั้นจำเป็นต้องมีคู่มือปฏิบัติงานที่ชัดเจน
               6. บุคลากรทางสารสนเทศ (information system personnel) เป็นส่วนที่สำคัญของระบบสารสนเทศคอมพิวเตอร์ เพื่อจัดการให้คอมพิวเตอร์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนทำงานร่วมกับผู้ใช้ (user) อย่างใกล้ชิดเพื่อการพัฒนาระบบให้ตรงความต้องการของผู้ใช้

เรื่องที่ 1 การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ

บทบาทความสำคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศ
ความก้าวหน้าทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ทำให้มีการพัฒนาคิดค้นสิ่งอำนวยความสะดวกสบายต่อการดำชีวิตเป็นอันมาก เทคโนโลยีได้เข้ามาเสริมปัจจัยพื้นฐานการดำรงชีวิตได้เป็นอย่างดี เทคโนโลยีทำให้การสร้างที่พักอาศัยมีคุณภาพมาตรฐาน สามารถผลิตสินค้าและให้บริการต่าง ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของมนุษย์มากขึ้น เทคโนโลยีทำให้ระบบการผลิตสามารถผลิตสินค้าได้เป็นจำนวนมากมีราคาถูกลง สินค้าได้คุณภาพ เทคโนโลยีทำให้มีการติดต่อสื่อสารกันได้สะดวก การเดินทางเชื่อมโยงถึงกันทำให้ประชากรในโลกติดต่อรับฟังข่าวสารกันได้ตลอดเวลา
พัฒนาการของเทคโนโลยีทำให้ชีวิตความเป็นอยู่เปลี่ยนไปมาก ลองย้อนไปในอดีตโลกมีกำเนินมาประมาณ 4600 ล้านปี เชื่อกันว่าพัฒนาการตามธรรมชาติทำให้เกิดสิ่งมีชีวิตถือกำเนินบนโลกประมาณ 500 ล้านปีที่แล้ว ยุคไดโนเสาร์มีอายุอยู่ในช่วง 200 ล้านปี สิ่งมีชีวิตที่เป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์ ค่อย ๆ พัฒนามา คาดคะเนว่าเมื่อห้าแสนปีที่แล้วมนุษย์สามารถส่งสัญญาณท่าทางสื่อสารระหว่างกันและพัฒนามาเป็นภาษา มนุษย์สามารถสร้างตัวหนังสือ และจารึกไว้ตามผนึกถ้ำ เมื่อประมาณ 5000 ปีที่แล้ว กล่าวได้ว่ามนุษย์ต้องใช้เวลานานพอสมควรในการพัฒนาตัวหนังสือที่ใช้แทนภาษาพูด และจากหลักฐานทางประวัติศาสตร์พบว่า มนุษย์สามารถจัดพิมพ์หนังสือได้เมื่อประมาณ 5000 ปีที่แล้ว กล่าวได้ว่าฐานทางประวัติศาสตร์พบว่า มนุษย์สามารถจัดพิมพ์หนังสือได้เมื่อประมาณ 500 ถึง 800 ปีที่แล้ว เทคโนโลยีเริ่มเข้ามาช่วยในการพิมพ์ ทำให้การสื่อสารด้วยข้อความและภาษาเพิ่มขึ้นมาก เทคโนโลยีพัฒนามาจนถึงการสื่อสารกัน โดยส่งข้อความเป็นเสียงทางสายโทรศัพท์ได้ประมาณร้อยกว่าปีที่แล้ว และเมื่อประมาณห้าสิบปีที่แล้ว ก็มีการส่งภาพโทรทัศน์และคอมพิวเตอร์ทำให้มีการใช้สารสนเทศในรูปแบบข่าวสารมากขึ้น ในปัจจุบันมีสถานที่วิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ แ ละสื่อต่าง ๆ ที่ใช้ในการกระจ่ายข่าวสาร มีการแพร่ภาพทางโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเพื่อรายงานเหตุการณ์สด เห็นได้ชัดว่าเทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทอย่างมาก บทบาทของการพัฒนาเทคโนโลยีรวดเร็วขึ้นเมื่อมีการพัฒนาอุปกรณ์ทางด้านคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ จะเห็นได้ว่าในช่วงสี่ห้าปีที่ผ่านมาจะมีผลิตภัณฑ์ใหม่ ซึ่งมีคอมพิวเตอร์เข้าไปเกี่ยวข้องให้เห็นอยู่ตลอดเวลา
รูปแสดงการติดต่อสื่อสารผ่านดาวเทียม
นักเรียนลองจินตนาการดูว่า นักเรียนเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีด้านใดบ้างจากตัวอย่างต่อไปนี้ เมื่อตื่นนอนนักเรียนอาจได้ยินเสียงจากวิทยุ ซึ่งกระจายเสียงข่าวสารหรือเพลงไปทั่ว นักเรียนใช้โทรศัพท์สื่อสารกับเพื่อน ดูรายการทีวี วีดีโอเมื่อมาโรงเรียนเดินทางผ่านถนนที่มีระบบไฟสัญญาณที่ควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ ถ้าไปศูนย์การค้า ขึ้นลิฟต์ ขึ้นบันไดเลื่อนซึ่งควบคุมการทำงานด้วยคอมพิวเตอร์ ที่บ้านนักเรียน นักเรียนอาจอยู่ในห้องที่มีเครื่องปรับอากาศที่ควบคุมอุณหภูมิโดยอัตโนมัติ คุณแม่ทำอาหารด้วยเตาอบซึ่งควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์ ซักผ้าด้วยเครื่องซักผ้า จะเห็นว่าชีวิตในปัจจุบันเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีเป็นอันมาก อุปกรณ์เหล่านี้ส่วนใหญ่ใช้ระบบคอมพิวเตอร์เป็นส่วนประกอบในการทำงาน
รูปแสดงเครื่องอำนวยความสะดวกภายในบ้าน
ในอดีตยุคที่มนุษย์ยังเร่ร่อน มีอาชีพเกษตรกรรม ล่าสัตว์ ต่อมามีการรวมตัวกันสร้างเมือง และสังคมเมืองทำให้เกิดอุตสาหกรรมการผลิต การผลิตทำให้เกิดการปฏิวัติทางอุตสาหกรรมที่เน้นการผลิตจำนวนมาก สังคมจึงเป็นสังคมเมืองที่มีอุตสาหกรรมเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่หลังจากปี พ.ศ. 2530 เป็นต้นมา ระบบสื่อสารโทรคมนาคมและคอมพิวเตอร์ก้าวหน้ามาก ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ยุคสังคมสารสนเทศ ชีวิตความเป็นอยู่เกี่ยวข้องกับข้อมูลข่าวสารจำนวนมาก การสื่อสารโทรคมนาคมกระจายทั่วถึง ทำให้ข่าวสารแพร่กระจ่ายไปอย่างรวดเร็ว สังคมในปัจจุบันเป็นสังคมไร้พรมแดนเพราะเรื่องราวของประเทศหนึ่งสามารถกระจายแพร่ออกไปยังประเทศต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว นิยามเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศ
คำว่าเทคโนโลยี หมายถึง การประยุกต์เอาความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์มาใช้ให้เกิดประโยชน์ การศึกษาพัฒนาองค์ความรู้ต่าง ๆ ก็เพื่อให้เข้าใจธรรมชาติ กฎเกณฑ์ของสิ่งต่าง ๆ และหาทางนำมาประยุกต์ให้เกิดประโยชน์ เทคโนโลยีจึงเป็นค้าที่มีความหมายกว้างไกล เป็นคำที่เราได้พบเห็นและได้ยินอยู่ตลอดมา
ลองนึกดูว่าทรายที่เราเห็นอยู่บนพื้นดิน ตามชายหาด ชายทะเลเป็นสารประกอบของซิลิกอน ทรายเหล่านั้นมีราคาต่ำและเรามองข้ามไป ครั้งมีบางคนที่เรียนรู้วิธีการแยกสกัดเอาสารซิลิกอให้บริสุทธิ์ และเจือสารบางอย่างให้เกิดเป็นสิ่งที่เรียกว่าสารกึ่งตัวนำ นำมาผลิตเป็นทรานซิสเตอร์ และไอซี (Integrated Circuit : IC) ไอซีนี้เป็นอุปกรณ์ที่รวมวงจรอิเล็กทรอนิกส์จำนวนมากไว้ด้วยกัน ใช้เป็นชิซึ่งเป็นส่วนสำคัญของคอมพิวเตอร์ สารซิลิกอดังกล่าวเมื่อผ่านกรรมวิธีทางเทคโนโลยีแล้วจะมีราคาสูงสามารถนำมาขายได้เงินเป็นจำนวนมาก ดังนั้นเทคโนโลยีจึงเป็นหัวใจของการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า และผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เพราะเรานำเอาวัตถุดิบมาผ่านเทคนิคการดำเนินการ จะได้วัตถุสำเร็จรูป สินค้าเหล่านี้จะมีมูลค่าเพิ่มจากวัตถุดิบนั้นมาก ประเทศใดมีเทคโนโลยีมากมักจะเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว เทคโนโลยีจึงเป็นหาทางที่จะช่วยในการพัฒนาให้สินค้าและบริการมีมูลค่าเพิ่มขึ้น ทุกประเทศจึงให้ความสำคัญของการใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเข้ามาช่วยงานด้านต่าง ๆ
ส่วนคำว่าสารสนเทศ หมายถึงข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิตของมนุษย์ มนุษย์แต่ละคนตั้งแต่เกิดมาได้เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก เรียนรู้สภาพสังคมความเป็นอยู่ กฎเกณฑ์และวิชาการ ลองจินตนาการดูว่าภายในสมองของเราเก็บข้อมูลอะไรบ้าง เราคงตอบไม่ได้ แต่สามารถเรียกเอาข้อมูลมาใช้ได้ ข้อมูลที่เก็บไว้ในสมองเป็นสิ่งที่สะสมกันมาเป็นเวลานาน ความรอบรู้ของแต่ละคนจึงขึ้นอยู่กับการเรียกใช้ข้อมูลนั้น ดังนั้นจะเห็นได้ชัดความรู้เกิดจากข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ทุกวันนี้มีข้อมูลรอบตัวเรามาก ข้อมูลเหล่านี้มาจากสื่อ เช่น วิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ เครือข่ายคอมพิวเตอร์ หรือแม้แต่การสื่อสารระหว่างบุคคล จึงมีผู้กล่าวว่ายุคนี้เป็นยุคของสารสนเทศ
รูปแสดงสื่อที่ช่วยในการรับส่งข้อมูล
ภายในสมองมนุษย์ซึ่งเป็นที่เก็บข้อมูลไว้มากมายจะมีข้อจำกัดในการจัดเก็บ การเรียกใช้ การประมวลผล และการคิดคำนวณ ดังนั้นจึงมีผู้พยายามสร้างเครื่องจักรเครื่องมือ เพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการจัดการสารสนเทศ เช่นเครื่องคอมพิวเตอร์ซึ่งสามารถเก็บข้อมูลไว้ในหน่วยความจำได้มาก สามารถให้ข้อมูลได้แม่นยำและถูกต้องเมื่อมีการเรียกค้นหา ทำงานได้ตลอดวันไม่เหน็ดเหนื่อย และยังส่งข้อมูลไปได้ไกลและรวดเร็วมาก เครื่องจักรอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับสารสนเทศนั้นมีมากมายตั้งแต่เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์รอบข้าง ระบบสื่อสารโทรคมนาคมสมัยใหม่ ทำให้เกิดงานบริการที่อำนวยความสะดวกต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น การฝากถอนเงินผ่านเครื่องเอทีเอ็ม (Automatic Teller Machine : ATM) การจองตั๋วดูภาพยนตร์ การลงทะเบียนเรียนในโรงเรียน
เมื่อรวมคำว่าเทคโนโลยีกับสารสนเทศเข้าด้วยกัน จึงหมายถึงเทคโนโลยีที่ใช้จัดการสารสนเทศ เป็นเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องตั้งแต่การรวบรวมการจัดเก็บข้อมูล การประมวลผล การพิมพ์ การสร้างรายงาน การสื่อสารข้อมูล ฯลฯ เทคโนโลยีสารสนเทศจะรวมไปถึงเทคโนโลยีที่ทำให้เกิดระบบการให้บริการ การใช้ และการดูแลข้อมูล
เทคโนโลยีสารสนเทศจึงมีความหมายที่กว้างขวางมาก นักเรียนจะได้พบกับสิ่งรอบ ๆ ตัวที่เกี่ยวกับการใช้สารสนเทศอยู่มาก ดังนี้
  • การเก็บรวบรวมข้อมูล เป็นวิธีการรวบรวมข้อมูลเข้าสู่ระบบ นักเรียนอาจเห็นพนักงานการไฟฟ้าไปที่บ้านพร้อมเครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กเพื่อบันทึกข้อมูลการใช้ไฟฟ้า ในการสอบแข่งขันที่มีผู้สอบจำนวนมาก ก็มีการใช้ดินสอระบายตามช่องที่เลือกตอบ เพื่อให้เครื่องอ่านเก็บรวบรวมข้อมูลได้ เมื่อไปซื้อสินค้าที่ห้างสรรพสินค้าก็มีการใช้รหัสแท่ง (bar code) พนักงานจะนำสินค้าผ่านการตรวจของเครื่องเพื่ออ่านข้อมูลการซื้อสินค้าที่บรรจุในรหัสแท่ง เมื่อไปที่ห้องสมุดก็พบว่าหนังสือมีรหัสแท่งเช่นเดียวกันการใช้รหัสแท่งนี้เพื่อให้ง่ายต่อการเก็บรวบรวมwbr>wb
  • การประมวลผล ข้อมูลที่เก็บมาได้มักจะเก็บในสื่อต่าง ๆ เช่น แผ่นบันทึก แผ่นซีดี หรือเทป เป็นต้น ข้อมูลเหล่านี้จะถูกนำมาประมวลผลตามต้องการ เช่น แยกแยะข้อมูลเป็นกลุ่ม เรียงลำดับข้อมูล คำนวณ หรือจัดการคัดแยกข้อมุที่จัดเก็บนั้น
    รูปแสดง การประมวลผลให้ออกมาในรูปเอกสาร
  • การแสดงผลลัพธ์ อุปกรณ์ที่ใช้เทคโนโลยีในการแสดงผลลัพธ์มีมาก สามารถแสดงเป็นตัวหนังสือ เป็นรูปภาพ ตลอดจนพิมพ์ออกมาที่กระดาษ การแสดงผลลัพธ์มีทั้งที่แสดงเป็นภาพ เป็นเสียง เป็นวีดิทัศน์ เป็นต้น
    รูปแสดง การแสดงผลลัพท์ทางหน้าจอคอมพิวเตอร์
  • การทำสำเนา เมื่อมีข้อมูลที่จัดเก็บในสื่ออิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ การทำสำเนาจะทำได้ง่าย และทำได้เป็นจำนวนมาก ดังนั้นอุปกรณ์ช่วยในการทำสำเนา จัดได้ว่าเป็นเทคโนโลยีสารสนเทศที่มีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง เรามีเครื่องพิมพ์ เครื่องถ่ายเอกสาร อุปกรณ์การเก็บข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ เช่น จานบันทึก ซีดีรอม ซึ่งสามารถทำสำเนาได้เป็นจำนวนมาก
  • การสื่อสารโทรคมนาคม เป็นวิธีการที่จะส่งจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง หรือกระจายออกไปยังปลายทางครั้งละมาก ๆ ปัจจุบันมีอุปกรณ์ระบบสื่อสารโทรคมนาคมหลายประเภท ตั้งแต่โทรเลข โทรศัพท์ เส้นใยนำแสง เคเบิลใต้น้ำ คลื่นวิทยุไมโครเวฟ ดาวเทียม เป็นต้น
ลักษณะสำคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศ
โดยพื้นฐานของเทคโนโลยีย่อมมีประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศชาติให้เจริญก้าวหน้าได้ แต่เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับวิถีความเป็นอยู่ของสังคมสมัยใหม่อยู่มาก ลักษณะเด่นที่สำคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศมีดังนี้
  • เทคโนโลยีสารสนเทศช่วยเพิ่มผลผลิต ลดต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ในการประกอบการทางด้านเศรษฐกิจ การค้า และการอุตสาหกรรม จำเป็นต้องหาวิธีในการเพิ่มผลผลิต ลดต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานคอมพิวเตอร์และระบบสื่อสารเข้ามาช่วยทำให้เกิดระบบอัตโนมัติ เราสามารถฝากถอนเงินสดผ่านเครื่องเอทีเอ็มได้ตลอดเวลา ธนาคารสามารถให้บริการได้ดีขึ้น ทำให้การบริการโดยรวมมีประสิทธิภาพ ในระบบการจัดการทุกแห่งต้องใช้ข้อมูลเพื่อการดำเนินการและการตัดสินใจ ระบบธุรกิจจึงใช้เครื่องมือเหล่านี้ช่วยในการทำงาน เช่น ใช้ในระบบจัดเก็บเงินสด จองตั๋วเครื่องบิน เป็นต้น
  • เทคโนโลยีสารสนเทศเปลี่ยนรูปแบบการบริการเป็นแบบกระจาย เมื่อมีการพัฒนาระบบข้อมูล และการใช้ข้อมูลได้ดี การบริการต่าง ๆ จึงเน้นรูปแบบการบริการแบบกระจาย ผู้ใช้สามารถสั่งซื้อสินค้าจากที่บ้าน สามารถสอบถามข้อมุผ่านทางโทรศัพท์ นิสิตนักศึกษาบางมหาวิทยาลัยสามารถใช้คอมพิวเตอร์สอบถามผลสอบจากที่บ้านได้
  • เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นสิ่งที่จำเป็น สำหรับการดำเนินการในหน่วยงานต่าง ๆ ปัจจุบันทุกหน่วยงานต่างพัฒนาระบบรวบรวมจัดเก็บข้อมูลเพื่อใข้ในองค์การประเทศไทยมีระบบทะเบียนราษฎร์ที่จัดทำด้วยระบบ ระบบเวชระเบียนในโรงพยาบาล ระบบการจัดเก็บข้อมูลภาษี ในองค์การทุกระดับเห็นความสำคัญที่จะนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้

วันอังคารที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ประวัติความเป็นมาของวัดนาหลวง

 วัดนาหลวง(อภิญญาเทสิตธรรม)

   เปิดทาง วางหลัก ปักฐาน วิธีการ งานพุทธ ยุทธศาสตร์ ปราชญ์อริยะ

แดนศีล  แดนคนดีมีศีลสัตย์ คุณสมบัติสงบสง่าทรงราศี กายวาจากิริยาทุกท่าที เหมาะงามดีมีวัฒนธรรมอยู่ดำรง
ถิ่นธรรม  ถิ่นประเสริฐเทิดธรรมะ ถิ่นนักปราชญ์ผู้รู้ละโลภโกรธหลง ประกาศธรรมพุทธศาสน์อย่างอาจอง อริยสัจเที่ยงตรงตลอดการ
นำวิมุติ   หลุดพ้นจากสมมุติ บริสุทธิ์เพียรปฎิบัติอย่างอาจหาญ หมั่นพิจรณามีสติปัญญาญาณ ปัจจัยกาลรู้ตรองไตร่ให้แยบคาย
สูงสุดอมตะ ธรรมสภาวะ รู้แล้วละรักชังเหตุทั้งหลาย ว่างโปร่งเย็นใจกายตายก่อนตาย เป็นเป้าหมายไม้เสียทีที่เกิดมา
เป็นที่อยู่ของพระอริยะเจ้า     ผู้พ้นเมาเห็นสว่างทางข้างหน้า บริสุทธิ์บารมีธรรมล้ำเมตตา เกิดปัญญาสรรพสัตว์มาขัดเกลา
           จึงรู้ว่ามาที่นี้มีธรรมะ ต้องบากบั่นขยันละกิเลสเขลา เพียรฝึกตนชนะตนจนบางเบา หวังแนบเนาสภาวะพระนิพาน        หลวงปู่เล่าว่า
      ปี 2527 -2528 ขณะเจริญภาวนาอยู่ภูหลวง จ.เลย ได้มีเทพธิดาทั้งสี่ จากภูย่าอู่มานิมนต์ ให้ไปอยู่สร้าง บารมี
ที่ภูย่าอู่  
9 มกราคม 2529 หลวงปู่เดินทางมายังภูย่าอู่ พร้อมศิษยานุศิษย์ประกอบ ด้วย พระภิกษุ 5 รูปสามเณร  2 รูปอุบาสก   2   อุบาสิกา 14   ครั้งแรกที่มาถึง ได้ปักกรดบริเวณทางเดินจงกรม
ใน
ปัจจุบัน (ข้างกุฏิหลวงปู่) และได้สร้างกระต๊อบเล็กๆด้วยไม้ไผ่ พออยู่ไปก่อนมืด และหนาวมาก
ออกบิณฑบาต ตั้ง
แต่ตี 4 เดินลง ได้ขุดบ่อลึก 1.50 เมตร เพื่อต้องการน้ำดื่มน้ำ ใช้ ก็มีน้ำออกมาให้ใช้จริงๆแต่ใช้ได้เพียง 15 วันน้ำ
ก็หมด" ด้วยบารมีของหลวงปู่แน่เชียว "
หลวงปู่เล่าต่อว่า คืนหนึ่ง ขณะที่ท่านเจริญภาวนาอยู่ ปรากฏ
เห็นเป็นเด็ก อายุประมาณ
8 ขวบ และพูดคุย เกียวกับปัญหา เรื่องขาดแคลนน้ำ เพราะขณะนั้นภายในวัดปลูกพืชผัก ผลไม้ไว้กินเอง จำเป็นต้องมีน้ำไว้ใช้เด็กน้อยนั้นก็เอยปากตกลงช่วย จากนั้นบ่อที่แห้ง
สนิทก็กลับมีน้ำมาให้  ปี 2531 หลวงปู่ได้เดินทางออกจากภูย่าอู่ไปเป็นเวลา 1ปี  ในปีนี้ท่าน ได้บำเพ็ญเพียรอยู่ ที่ภูหอ
ซึ่งท่านอาศัยอยู่ในถ่ำ ฉันอาหารเดือนละ
ครั้ง น้ำก็ไม่ได้อาบ อยู่ที่ภูกระดึง   ก็อยู่ในถ้ำเช่นกัน 
มีเรื่องราวแปลกๆ
หลายอย่าง ซึ่งหลวงปู่ยังไม่อยากเล่าตอนนี้ อีกแห่งที่หลวงปู่ไปบำเพ็ญเพียร คือ
ถ่ำน้ำหนาว ตลอดทั้งปีเป็นการทุ่มเทให้การปฏิบัติ  เพื่อ
เอชนะกิเลสทั้งปวง
ใช้ตลอดมา
เขาไปด้วย  ความยากลำบาก ไปยังบ้ายสว่าง ไปกลับ 16 กม

     ปี 2532 หลวงปู่ได้กลับมายังภูย่าอู่ ปีนั้นมีภิกษุ 18 รูป สามเณร 5 รูป และเป็นปีแห่งการพัฒนา
ด้วยศรัธาที่ญาติโยมมีต่อหลวงปู่ เพิ่มขึ้นเป็น
ลำดับ  จึงทำให้การพัฒนาเป็นไปอย่างต่อเนื่อง เช่น
การพัฒนาแหล่งน้ำ
บุกเบิกทางขึ้นใหม่ สร้างกุฏิเพิ่มขึ้นจากเดิม 10 หลัง เป็น 20 หลัง สร้างโรงครัว
ใหม่ เสนาสนะต่างๆต่อเนื่องมา จนถึงปี
2533 ที่ทำมาตั้งแต่ปี  2529 ไม่ว่าจะเป็น การสร้างเสนาสนะ
ต่างๆ สถานที่ บุคคล อาจารย์
ธรรมะ ทั้งหมดนี้เปรียบเทียบได้แค่ 10 % ของสภาพปัจจุบันเท่านั้น

    
ปี 2538 - 2543 สร้างเสนาสนะได้ 60 หลัง มีรถ 20 กว่าคันจัดพระภิกษุ 28 ถึง 100 รูปออกเผย
แผ่ศาสนาปีละ
4 จังหวัด
วัดนาหลวง (อภิญญาเทสิตธรรม) ถ่ำเกิ้ง ภูย่าอู่

โจ๋มินิคูเปอร์ซิ่งชนแหลกมอบตัวแล้ว

จากกรณี น.ส.โชติกา ประสาทโสภณ อายุ 22 ปี  น.ศ.ชั้นปีที่ 4 มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ถูกรถยนต์มินิคูเปอร์ป้ายแดง พุ่งชน ขณะที่ลงไปช่วยเหลือผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุรถชนกันบนสะพานพระราม 9 เมื่อคืนวันที่ 19 พ.ค. ที่ผ่านมา โดยผู้ขับรถยนต์มินิคูเปอร์ได้หลบหนีไป ภายหลังเจ้าหน้าที่ได้สืบทราบว่ารถคันที่ก่อเหตุมีชื่อของ นางหงษ์ แซ่ลี่ อายุ 81 ปี เป็นเจ้าของ ส่วนคนขับรถในวันเกิดเหตุ คือ นายเติ้ล (นามสมมุติ) อายุ 18 ปี ผู้เป็นหลานชาย ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้่น
ความคืบหน้าเมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 5 มิ.ย. ที่ สน.ทางด่วน 1 นางหงษ์ แซ่ลี่ อายุ 81 ปี เจ้าของรถมินิคูเปอร์สีแดง ได้พานายเติ้ล (นามสมมติ)อายุ 18 ปี หลานชาย และเป็นคนขับรถมินิคูเปอร์ในวันเกิดเหตุ พร้อมด้วย นายเกิดผล แก้วเกิด ทนายความ เดินทางเข้ามอบตัวกับ พ.ต.ท.กันตภณ สินธวาชีวะ พนักงานสอบสวน (สบ 3) สน.ทางด่วน 1 เจ้าของคดี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนที่นายเติ้ล จะเดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนนั้น นายไรวินทร์ ประสาทโสภณ อายุ 24 ปี ลูกพี่ลูกน้องของ น.ส.โชติกา ได้เข้าไปคว้าคอนายเติ้ลจากทางด้านหลัง พร้อมกับพูดต่อว่าด้วยความโกรธแค้น ทำให้นายเติ้ลหันมาชกเข้าที่ใบหน้าของนายไรวินทร์ไป 1 ครั้ง จนเกิดเหตุชุลมุนขึ้น เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเข้ามาแยกคู่กรณีทั้งคู่ก่อนที่เหตุการณ์จะบานปลาย จากนั้นจึงรีบนำตัวนายเติ้ล เข้าห้องสอบสวนทันที
ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เชิญญาติของผู้บาดเจ็บทั้ง 4 คน เข้าไปในห้องสอบสวนเพื่อให้นายเติ้ล นำพวงมาลัยมาก้มกราบเท้าขอขมาทีละคน จากนั้นนายเติ้ลพร้อมทีมทนายความ ได้ออกมายกมือไหว้ขอโทษต่อหน้าสื่อมวลชน พร้อมกล่าวว่า ตนรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และอยากขอโทษผู้บาดเจ็บทั้งหมดด้วย ตนขอยืนยันว่าไม่ได้ตั้งใจและไม่มีเจตนาที่จะก่อเหตุแต่อย่างใด แต่เป็นอุบัติเหตุที่ตนไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้น และวันเกิดเหตุตนก็ไม่ได้มึนเมาสุราแต่อย่างใด ซึ่งหลังจากนี้ก็ขอปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม
ด้าน พ.ต.ท.กันตภณ พนักงานสอบสวน เจ้าของคดี กล่าวว่า ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าเป็นคนขับรถมินิคูเปอร์สีแดงในวันเกิดเหตุจริง เพราะมองไม่เห็นว่ามีรถเกิดอุบัติเหตุอยู่ข้างหน้า จึงทำให้ชนกลุ่มผู้เสียหายจนได้รับบาดเจ็บดังกล่าว หลังเกิดเหตุเจ้าตัวได้ขับรถหลบหนีไปเพราะความตกใจ เบื้องต้นได้แจ้งข้อหาขับขี่รถโดยประมาทเป็นเหตุให้ทรัพย์สินผู้อื่นเสียหายและได้รับบาดเจ็บสาหัส ,ขับขี่รถโดยไม่มีใบอนุญาต และหลบหนีไม่อยู่ช่วยเหลือผู้บาดเจ็บและไม่แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ใกล้จุดเกิดเหตุ ก่อนนำตัวส่งสถานพินิจต่อไป ซึ่งหลังจากนี้ก็เป็นดุลยพินิจของทางสถานพินิจว่า จะให้ประกันตัวหรือไม่
จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เชิญตัวญาติของผู้ได้รับบาดเจ็บ เข้าไปเจรจาเรื่องค่ารักษาพยาบาลและค่าเสียหาย กับทนายความ และผู้แทนจากบริษัทธนชาตประกันภัย จนได้ข้อสรุปว่า ทางธนชาตประกันภัยซึ่งรถมินิคูเปอร์คู่กรณีทำ พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จะทำการจ่ายค่ารักษาพยาบาลเบื้องต้นให้คนเจ็บทุกรายก่อนในวงเงินรายละ 50,000 บาท หากมีคนเจ็บรายไหนต้องใช้ค่ารักษาพยาบาลมากกว่านั้น ทางบริษัทวิริยะประกันภัย ซึ่งรถมินิคูเปอร์ซื้อประกันภัยประเภท 1 เอาไว้ จะเป็นผู้รับผิดชอบในส่วนต่างที่เหลือ สำหรับ นางหงษ์ แซ่ลี่ อายุ 81 ปี อาม่าของผู้ต้องหาก็ได้นำเงินช่วยเหลือเบื้องต้นจำนวนหนึ่งมามอบให้ญาติของผู้บาดเจ็บทุกรายที่โรงพักในวันนี้ด้วย สรุปคือผลการเจรจาวันนี้ค่อนข้างมีผลลัพธ์ที่น่าพอใจแก่ทุกฝ่าย.

วันอังคารที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

10 อันดับในการเลี้ยงสุนัขพันธุ์ปอมฯ


ถ้าคุณอยากเลี้ยงสุนัขพันธุ์ปอมเมอเรเนียนควรมีพื้นฐานของความรัก ความเมตตา และความพร้อมที่จะเลี้ยง เราต้องมีเวลาให้กับสุนัข
พอสมควร สุนัขที่ได้รับการดูแลที่ดีจากเจ้าของที่โอบอ้อมอารี จะมีผลช่วยพัฒนาการทางด้านจิตใจของสุนัข ทำให้สุนัขมีนิสัยร่าเริง
ซึ่งจะกลายเป็นความพึงพอใจของทั้งคุณและสุนัข หลาย ๆ คนที่ปรารถนาอยากเป็นเจ้าของลูกสุนัขพันธุ์ปอมเมอเรเนียน เพราะเป็นสุนัข
ตัวเล็ก กะทัดรัด น่ารัก กระจุ๋มกระจิ๋ม เหมือนตุ๊กตา สามารถนำพาไปไหนได้สะดวกสบาย ส่วนใหญ่ทุก ๆ คน ต้องการเป็นเจ้าของ
สุนัขที่มีสุขภาพดี แข็งแรง สวย ฉลาด ซึ่งคุณก็ต้องมีสุนัขพันธุ์ปอมฯ ที่มีคุณภาพจากสายเลือดที่ดีในการเลี้ยงด้วย

คนเราอาจเปลี่ยนแปลงจิตใจและความรักได้ทุกวินาที แต่สุนัขพันธุ์ปอมเมอเรเนียนไม่สามารถเปลี่ยนแปลงหัวใจน้อย ๆ ของเค้าให้ไปรัก
ผู้อื่นได้ นอกจากเจ้าของเพียงคนเดียว การเลี้ยงสุนัขของแต่ละคน แม้จะมีสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันออกไป แต่เราทุกคนที่เลี้ยงเค้า
ควรเลี้ยงดูให้ดี มีการดูแลใกล้ชิด ให้ความอบอุ่น ให้การเอาใจใส่ รวมทั้งการป้องกันโรคภัยไข้เจ็บ และการดูแลรักษายามที่สุนัข
เจ็บป่วย จะช่วยให้สุนัขมีความสุขทั้งกายและใจ เมื่อสุนัขมีความสุข คนก็มีความสุขไปด้วย เพราะสุนัขกับคนเป็นเพื่อนกันมานานแล้ว
เค้าไม่เคยได้รับสิ่งใดเป็นการตอบแทน นอกจากความรัก ความอบอุ่นจากคุณ เป็นการแลกเปลี่ยนเท่านั้นคุณแน่ใจหรือยังคะว่า คุณได้
ดูแลสุนัขพันธุ์ปอมฯ ของคุณด้วยวิธีการเลี้ยงที่ถูกต้องตามหลักวิชาการ มิใช่เลี้ยงสุนัขพันธุ์ปอมฯ แบบตามใจเจ้าของ พี่อ๋อยจึงขอจัด
ลำดับความสำคัญในการเลี้ยงสุนัขพันธุ์ปอมฯ ออกเป็น 10 ลำดับดังนี้

1. การกินอาหารที่ดีและมีประโยชน์



ลูกสุนัขของแม่ชื่อ "OIL'S SWEET STRAWBERRY SHOT CAKE" อายุ 2 เดือน กำลังกินอาหารสำเร็จรูปในชามเดียวกัน
ตามสูตรของพี่อ๋อย อย่างเอร็ดอร่อย



อาหารสำเร็จรูป หรืออาหารเม็ดเป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วน รวมทั้งมีความสมดุลของแร่ธาตุ และไวตามินที่สำคัญ
ต่อร่างกายของสุนัข เหมือนกับการที่คนเราต้องรับประทานอาหารต่อวันให้ครบ 5 หมู่ ประกอบด้วย โปรตีน, ไขมัน, คาร์โบไฮเดรต,
วิตามิน, เกลือแร่ และน้ำ และสารอาหารที่ได้รับนั้น ต้องอยู่ในอัตราส่วนและปริมาณที่เหมาะสม ถ้าหากลูกสุนัขขาดอาหารประเภทใดไป
ลูกสุนัขก็จะมีการเจริญเติบโตที่ไม่สมบูรณ์ เช่น เป็นโรคกระดูกอ่อน ขนหลุดร่วงเร็วกว่าปกติ ฟันงอกช้า และร่างกายเจริญเติบโต
ไม่ได้สัดส่วนที่ดี หรือถูกต้องตามลักษณะสายพันธุ์ สุนัขแต่ละวัยมีความต้องการของสารอาหารไม่เท่ากัน ซึ่งมีผลทำให้สุนัขมีกระดูกและ
กล้ามเนื้อแข็งแรง สมบูรณ์ มีสุขภาพขนที่ดีและมีคุณภาพ อาหารสำเร็จรูปมีความสะอาด โดยผ่านกระบวนการในการผลิตมาอย่างดี
และที่สำคัญประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายอีกด้วย อาหารสำเร็จรูปสามารถช่วยขัดฟันสุนัขให้ขาวสะอาดและแข็งแรงในขณะที่สุนัขขบเคี้ยว
สุนัขที่มีสุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรงหรือไม่นั้น อยู่ที่การเลี้ยงดูอย่างถูกต้องด้วยโภชนาการที่ดี มีคุณค่าครบถ้วนตามที่ร่างกายของลูกสุนัข
ต้องการ

2. ฝึกการขับถ่าย



นายแบบชื่อ "OIL'S LOOKOUT FOR SUGAR FREE CANDY" อายุ 6 เดือน
กำลังแสดงท่าขับถ่ายเป็นแท่ง เป็นก้อน สีน้ำตาลนวล สีเดียวกับอาหารสำเร็จรูป (อาหารเม็ด) ที่ได้กิน ซึ่งไม่มีกลิ่นเหม็น



การฝึกหัดให้สุนัขขับถ่ายให้เป็นที่เป็นทาง ทำให้บ้านของคุณสะอาด สุนัขมีระเบียบวินัยที่ดีและมีคุณค่าในตัวเอง สุนัขในบ้านของพี่อ๋อย
จะขับถ่ายเป็นที่และตรงต่อเวลา เมื่อสุนัขเปลี่ยนบ้านไปอยู่กับผู้อื่น จะสามารถคาดการณ์ในการขับถ่ายของสุนัขได้ถูกต้อง จึงทำให้
เจ้าของสามารถฝึกหัดให้สุนัขมีระเบียบวินัยอย่างต่อเนื่องจากพี่อ๋อยได้เป็นอย่างดี คุณจึงควรนำสุนัขไปทำความรู้จักในสถานที่ที่ต้องการ
ให้สุนัขขับถ่าย เพื่อให้สุนัขคุ้นเคยกับสถานที่ขับถ่าย ทำให้ง่ายต่อการฝึกหัด และมูลในการขับถ่ายของสุนัขจะต้องไม่มีกลิ่นเหม็น
มีลักษณะเป็นแท่ง เป็นก้อน สวยงาม สะดวกในการเก็บหรือทำความสะอาด ดังนั้น อาหารสำเร็จรูปที่ให้สุนัขกิน จึงมีส่วนสำคัญที่จะ
ช่วยในเรื่องของสุขลักษณะในการขับถ่ายที่ดี

3. การตัดเล็บและตัดขน



นายแบบตัดเล็บชื่อ "THAILAND CHAMPION OIL'S BROWN SUGAR" อายุ 7 ปี 5 เดือน



การตัดเล็บสุนัขก็เหมือนกับการตัดแต่งขนสุนัขที่เราควรจะต้องทำเป็นกิจวัตร และปฏิบัติให้กับสุนัขอย่างสม่ำเสมอ คุณจึงควรดูแล
ตัดเล็บให้สุนัขพันธุ์ปอมฯ ที่เรารักอยู่เสมอ เพราะถ้าคุณปล่อยให้เล็บของเค้ายาวออกมามากเกินไป อาจทำให้เท้าและนิ้วกางออก
จนดูไม่สวย หรือทำให้เป็นอุปสรรคต่อการเดินได้ เมื่อตัดเล็บแล้วก็ควรตัดขนไปพร้อมกันด้วย เพื่อทำให้เกิดความสวยงามไม่เห็น
ขนที่ยาวรกรุงรัง ซึ่งจะทำให้สุนัขดูสวยละมุนไปทั้งตัว

4. การอาบน้ำ



นายแบบอาบน้ำชื่อ "THAILAND CHAMPION OIL'S BROWN SUGAR" อายุ 7 ปี 5 เดือน



พี่อ๋อยจะเลือกใช้แชมพูที่มีสรรพคุณในการบำรุงขน ให้มีสภาพขนที่ดี และมีคุณภาพ เหมาะกับสุนัขพันธุ์ปอมเมอเรเนียน ทำให้ขนแน่น
และขนขึ้นได้อย่างมหัศจรรย์ การอาบน้ำสุนัขควรดูความสกปรกของสุนัขอย่างน้อยประมาณ 7 – 10 วัน ควรอาบน้ำหนึ่งครั้ง

5.การแปรงขน



นางแบบชื่อ "THAILAND CHAMPION PAK DOME'S RAUY-RA-RIN" อายุ 6 ปี



การแปรงขนที่สม่ำเสมอจะทำให้ขนเก่าที่ตกค้าง หรือขนที่ร่วงค้างอยู่หลุดออกไป ขนใหม่ที่พร้อมจะเจริญเติบโตก็แซมขึ้นมาได้สะดวกขึ้น
เพราะปราศจากขนเก่าที่กีดขวางอยู่ การแปรงขนในแต่ละขั้นตอน ควรแปรงด้วยความระมัดระวัง มิฉะนั้นเส้นขนจะขาดได้ง่าย สุนัขปอมฯ
ที่ดีมักชอบให้เจ้าของแปรงขน เค้าจะยืนนิ่งและนอนอย่างสบายใจ พร้อมที่จะให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เพราะเค้ารู้ว่า ถ้าได้แปรงขนจน
สลวยสวยเก๋เมื่อใดแล้ว ก็จะได้ออกไปเที่ยวอวดโฉมให้ใคร ๆ ต้องหันหลังกลับมามอง หรืออาจได้รางวัลเป็นขนม ของเล่นจากเจ้าของด้วย

6. การบำรุงขนให้สวยงาม



นายแบบชื่อ "OIL'S NEWYEAR NITE" อายุ 7 ปี



วิตามินจะช่วยบำรุงร่างกายของสุนัขให้แข็งแรง ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ และวิตามินยังมีความสำคัญในการบำรุงขน ให้ขนสุนัขมีคุณภาพ
หนาแน่น ขนจะขึ้นได้อย่างรวดเร็ว สีขนสดใสสวยงาม รวมทั้งจะทำให้ผิวพรรณเป็นสีชมพูสวยงาม มีใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส บ่งบอกถึง
ความมีสุขภาพจิตที่ดี เพียงเท่านี้ก็เป็นความสุขของสุนัขและของคุณแล้วค่ะ

7. การออกกำลังกาย



ลูกสุนัขชื่อ "OIL'S BANGKOK'S NEW SUPER STAR SIR JAMES" อายุ 4 เดือนครึ่ง



สุนัขที่มีสุขภาพดี นอกจากจะกินอาหารที่ดีถูกต้องตามหลักโภชนาการแล้ว การออกกำลังกายก็เป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยเสริมสร้างสุขภาพ
ร่างกายให้แข็งแรง จิตใจร่าเริงแจ่มใส อาจจะเป็นการเดินหรือการวิ่งก็ได้ การออกกำลังกายสม่ำเสมอทุกวันเป็นสิ่งสำคัญ ทำให้กล้ามเนื้อ
และร่างกายแข็งแรง ช่วยทำให้การเคลื่อนไหว การเดิน การวิ่ง ราบเรียบ ได้จังหวะ น่ารัก สมกับบุคลิกและมีประโยชน์แก่สุนัขใน
การช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโต กระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต และทำให้ร่างกายของสุนัขได้รับออกซิเจนและอากาศบริสุทธิ์อย่าง
เพียงพอ อีกทั้งยังช่วยให้ระบบย่อยอาหาร และระบบขับถ่ายทำงานได้อย่างเป็นปกติ ซึ่งจะช่วยไม่ให้ท้องผูก ผู้เลี้ยงบางคนอาจหากิจกรรม
ให้แก่สุนัข โดยการเล่นลูกบอล การเล่นซ่อนหา หรือการเล่นไล่จับ

8. การดูแลสุขภาพโดยทั่วไป



นางแบบชื่อ "OIL'S BLUE SKY ON THE SUNNYDAY" อายุ 8 เดือน



การดูแลสุขภาพทางร่างกายของสุนัข เช่น มีอาการเจ็บป่วย ซึ่งมีข้อบ่งชี้จากสุขภาพภายในของร่างกายซึ่งต้องได้รับการรักษาจาก
สัตว์แพทย์ การฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโรคติดต่อ การดูแลเรื่องเห็บของสุนัข รวมทั้งสุขภาพฟันให้กับสุนัข เป็นเรื่องสำคัญ ฟันจึงเป็น
อวัยวะที่สำคัญต่อการดำรงชีวิตประจำวัน ซึ่งสุนัขจะใช้ในการบดเคี้ยวอาหารให้ละเอียด และการกัดแทะ ดังนั้น การดูแลและการทำ
ความสะอาดฟันจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับสุนัข สุนัขที่มีฟันที่สะอาด สวยงาม ก็ยังเป็นข้อบ่งชี้ถึงการมีสุขภาพที่ดีและมาตรฐานพันธุ์ที่
ถูกต้องของสุนัขปอมฯ ของคุณด้วย

9. ควบคุมน้ำหนักไม่ให้อ้วนจนเกินไป



สุนัขชื่อ "STARLIGHT'S SWEET AND CHILL" อายุ 9 เดือน ประกวดสุนัขได้รับรางวัล "BEST PUPPY IN SHOW"
ซึ่งจะมีโครงสร้างและรูปร่างถูกต้องตามมาตรฐานสายพันธุ์



ควรให้กินอาหารสำเร็จรูป ไม่ควรให้กินอาหารสดที่ปรุงเอง เพราะจะทำให้สุนัขได้รับสารอาหารประเภทโปรตีนสูงแต่เพียงอย่างเดียว
ถ้าหากสุนัขมีน้ำหนักมากเกินไป จะทำให้ไม่สามารถรับน้ำหนักของข้อเข่าได้ ความอ้วนของสุนัขเกิดจากร่างกายมีไขมันสะสมมาก
เกินไป ซึ่งเกิดจากการได้รับอาหารหรือพลังงานมากเกินความต้องการของร่างกาย สุนัขที่อ้วนควรออกกำลังกายเพียงวันละน้อย
แต่เป็นประจำ จะทำให้สุนัขลดน้ำหนักได้ การเดินจึงเป็นการออกกำลังกายที่ง่ายที่สุด

10. เลี้ยงสุนัขด้วยความรักอย่างถูกวิธี



ลูกสุนัขของแม่ชื่อ "OIL'S SUPER BEAUTY"



การเลี้ยงสุนัขมิใช่เพียงเพื่อการให้อาหาร การให้ที่อยู่ หรือเลี้ยงเพราะสวยงาม และเป็นสุนัขที่นิยม แต่สิ่งสำคัญก็คือ การได้ความ
เป็นเพื่อน ความรัก ความซื่อสัตย์ให้กับเจ้าของ ผู้เลี้ยงต้องเข้าใจและรู้ถึงความต้องการของสุนัข แล้วคุณจะได้ความจงรักภักดีกลับมา
ผู้เลี้ยงสุนัขพันธุ์ปอมฯ ส่วนใหญ่มักจะเลี้ยงสุนัขแบบตามใจเจ้าของ เช่น การให้อาหารอื่น ๆ นอกเวลาอาหารซึ่งไม่มีความจำเป็นที่จะ
ต้องกิน การกระทำของเจ้าของในการเอาอกเอาใจเช่นนี้แก่สุนัข เป็นการสร้างลักษณะนิสัยในการกินพร่ำเพรื่อ หรือให้กินอาหารที่ไม่มี
ประโยชน์ต่อสุขภาพของสุนัข อีกทั้งยังก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพของสุนัขโดยที่ไม่รู้ตัวว่า สุนัขมีอายุเหลือน้อยลงทุกวัน เพราะเจ้าของ
ค้นหาของกินหลายหลากมากมายมาให้สุนัขที่แสนรักของคุณ กินอย่างไม่ถูกวิธี ทำให้สุนัขมีการสะสมของโรคต่าง ๆ มากมาย ผลสุดท้าย
สุนัขมักจะมีปัญหาในเรื่องของโรคตับ โรคไต และโรคอื่น ๆ ตามมา สุนัขของคุณก็จะเสียชีวิตก่อนที่จะถึงวัยอันสมควร การให้ความรัก
แก่สุนัขที่ไม่ถูกต้อง เช่น การปล่อยให้สุนัขวิ่งเล่นซุกซน การกัดแทะสิ่งของหรือทำความเสียหายแก่สิ่งของเครื่องใช้ภายในบ้าน การเห่า
ไร้สาระ โดยที่เจ้าของไม่รู้จักวิธีการอบรมสั่งสอน จะทำให้สุนัขมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม และกลายเป็นสุนัขที่มีนิสัยไม่น่ารักในวันข้างหน้า

การเลี้ยงสุนัขให้ดี นอกจากจะให้ความรัก ความเข้าใจ ความเมตตาแล้ว ยังมีปัจจัยอื่น ๆ อีกหลายประการ ถ้าคุณได้อยู่ใกล้สุนัข
คุณจะสามารถเรียนรู้การใช้ชีวิตประจำวันของสุนัขได้เป็นอย่างดี ยังมีเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ อีกหลายประการ ที่ผู้เลี้ยงอาจจะคิดว่า
ไม่สำคัญ แต่เป็นสิ่งสำคัญสำหรับสุนัขที่จะทำให้คุณและสุนัข สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข และเป็นการสร้างระเบียบวินัย
พัฒนานิสัยที่ดี รวมทั้งการมอบสิ่งที่เป็นความพึงพอใจให้กับคุณและสุนัขพันธุ์ปอมฯ ของคุณด้วยค่ะ